เที่ยวซาอุดิอาระเบีย ซาอุดิอาราเบียเป็นรัฐอาหรับในเอเชียตะวันออกกลางมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในโลกอาหรับรองจากประเทศแอลจีเรีย ภูมิประเทศส่วนใหญ่ประกอบด้วยทะเลทราย ทั้งยังมีสถานที่แปลกตาที่จะสร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน จนได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ต้องไปเยือนให้ได้ วันนี้เราจึงมี 12 สถานที่ที่น่าสนใจเมื่อคุณไปเยือน ประเทศซาอุดีอาระเบียมาฝากกัน จะมีที่ไหนบ้างลองไปดูกันเลย
1.มักกะฮ์ (Mecca) และมะดีนะฮ์ (Medina)
มักกะห์ (Makkah) หรือ ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า มักกะห์ อัล มูกัรรามะห์ (Makkah al-Mukarramah) แปลว่า เมกกะ เมืองอันทรงเกียรติ (Mecca the Honored) เป็นเมืองที่ชาวมุสลิมจะต้องเดินทางไปให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อประกอบพิธีฮัจย์อีกทั้งยังจะเป็นโอกาสที่ชาวมุสลิมทำพิธีละหมาดในสถานที่ที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในศาสนาอิสลามและเป็นการปฏิบัติตามหลักศาสนบัญญัติให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้ง 5 ประการอีกด้วย
2.มาเดน ซาเลห์ (Medain Saleh)
มาเดน ซาเลห์ เป็นแหล่งโบราณคดีที่มีอายุเก่าแก่ราว 2,000 ปี สร้างขึ้นโดยราชอาณาจักรแนบาเทีย (Nabatean Kingdom) อารายธรรมเดียวกับที่สร้างเปตรา เมืองหินแกะสลักโบราณในประเทศจอร์แดน มาเดน ซาเลห์ แห่งนี้เต็มด้วยสุสาน ภาพวาดบนผนังถ้ำ และสิ่งก่อสร้างอีกมากมายที่ไดรับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนกลายเป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกของประเทศที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก ใครที่ต้องการเดินทางไปยังแหล่งโบราณคดีดังกล่าวสามารถนั่งเครื่องจากกรุงรียาดไปลงที่เมืองริมทะเลอัลวัจฮ์ (Al Wejh) แล้วค่อยต่อรถโดยสารประจำทางอีก 200 กม.
3.อับฮา (Abha) ในฤดูร้อน
อับฮาเป็นเมืองหลวงบนภูเขาของจังหวัดอาซีร์ (Asir Province) โดยมีภูมิอากาศปานกลางและเป็นที่ตั้งของหินแกะสลักและสถาปัตยกรรมดิน (mud architecture) มากมาย โดยบางส่วนมีอายุมากกว่าหลายร้อยล้านปี เมืองแห่งนี้จะจัดเทศกาลฤดูร้อนที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมากมาเยือนทุกปี ใครที่มาเยือนอับฮานี้ก็ขอแนะนำให้แวะตลาดนัดช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
4.ลิงบาบูนบนหน้าผาของเมืองทาอีฟ (Ta’if)
ตื่นตาตื่นใจไปกับฝูงลิงบาบูนกลุ่มใหญ่ที่อาศัยอยู่ตามริมหน้าผาตามทางหลวงและริมภูเขาที่เรียกร้องผลไม้และขนมปังพิตาจากผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ผ่านบริเวณนั้น ฝูงลิงบาบูนนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนท้องถิ่นเท่าไรนัก เนื่องจากมันมักขโมยพื้นผลทางการเกษตรและทำลายผู้คนที่ผ่านมา
5.เจดดาห์ คอร์นิช (Jeddah Corniche)
คอร์นิชเป็นพื้นที่ริมทะเล ถนนเลียบชายฝั่งที่มีความยาวถึง 125 กม. และทางเดินทอดยาวเลียบชายฝั่งทะเลแดงถึง 30 กม. สถานที่แห่งนี้เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งการนั่งชมเรือพาณิชย์และเรือยอชต์ส่วนตัวที่แล่นไปในทะเล ปิกนิกตามชายหาด พาเด็กเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุกหรือลานเด็กเล่น ลิ้มรสอาหารตามภัตตาหารริมทะเล หรือกระทั่งเดินชมงานศิลปะบนวงเวียนต่างๆ
6.แนวปะการัง สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล และซักปรักหักพังต่างๆ ในทะเลแดง
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักดำน้ำมืออาชีพ หรือต้องการจะฝึกดำน้ำก็ตาม คุณก็จะหลงรักทะเลแดงแห่งนี้อย่างแน่นอน ทะเลแดง (Red Sea) เป็นอ่าวในมหาสมุทรอินเดีย แบ่งระหว่างทวีปแอฟริกากับทวีปเอเชีย โดยทะเลแดงเชื่อมกับมหาสมุทรอินเดียที่อ่าวเอเดน (Gulf of Aden) ทะเลแดงมีความยาวประมาณ 1900 กิโลเมตร และกว้างประมาณ 300 กิโลเมตร ร่องทะเลที่ลึกที่สุดประมาณ 2,500 เมตร และความลึกเฉลี่ยประมาณ 500 เมตร ทะเลแดงมีชื่ออื่นคือ อ่าวอาหรับ (Arabian Gulf) ซึ่งเรียกกันก่อนสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 20 ชื่อทะเลแดงไม่ได้หมายถึงสีของน้ำทะเล แต่หมายถึงสีของแบคทีเรียชนิดหนึ่งบริเวณผิวน้ำ
7.เขตอนุรักษ์หมู่เกาะฟาราซาน (Farasan Islands Reserve)
หมู่เกาะฟาราซานซึ่งตั้งอยู่ในทะเลแดง ห่างจากชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศราว 40 กม. นี้ ประกอบด้วยเกาะจำนวน 84 เกาะ ใครที่ต้องการสำรวจชายหาดอันงดงาม ซากโบราณสถานสมัยอารยธรรมออตโตมัน สัตว์ป่าตามธรรมชาติ และสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ ในหมู่เกาะแห่งนี้สามารถนั่งเรือเฟอร์รี่ที่ให้บริการจากเมืองท่าจีซานจำนวนสองเที่ยวต่อวันได้
8.เทศกาลแสดงมรดกทางวัฒนธรรม (Janadriyah Festival) ณ กรุงรียาด
งานวัฒนธรรมประจำปีที่ใหญ่ที่สุดของซาอุดีฯ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1.5 ล้านคนในแต่ละปี จัดขึ้นตั้งแต่ปี 2528 เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีของซาอุดีฯ และของมิตรประเทศอาหรับโดยรวม เทศกาลที่จะมีขึ้นเป็นเวลาสองสัปดาห์ในเดือนมีนาคมของทุกปีนี้จะจัดแสดงเกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีพื้นบ้านของประเทศ ซึ่งรวมถึงการแข่งขันอูฐอีกด้วย
9.ทะเลทรายเปิดโล่ง
ทะเลทรายซึ่งได้ชื่อว่า “Edge of the World” แห่งนี้อยู่ห่างจากกรุงรียาดไปไม่ไกลนัก ใครที่ต้องการสัมผัสกับทะเลทรายที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาก็ขอแนะนำให้มาเยือนที่นี่
10.เมืองเก่าเจดดาห์ (Jeddah’s Old City)
เมืองเก่านี้มีอาคารที่มีความสำคัญประวัติศาสตร์หลายหลังที่สร้างขึ้นจากปะการังโดยมีหน้าต่างโครงตาข่ายที่ทำจากไม้เพื่อให้ลมทะเลพักพาความเย็นเข้าสู่ภายในอาคารได้แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวของคนที่อาศัยอยู่ภายในอาคารได้ ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองนี้มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 9 กันเลยทีเดียว
11.เมืองเก่าดะเรียห์ (Old Dariyah)
เมืองเก่านี้ตั้งอยู่ติดกับกรุงรียาด ดะเรียห์เป็นเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรซาอุแรก โดยเป็นบ้านของราชวงศ์ผู้ปกครองประเทศในอดีต ปัจจุบันหลายส่วนของเมืองนี้ได้รับการบูรณะให้กับมาสวยงามดังเดิม
12.อาคารรูปทรงยูเอฟโอในกรุงรียาด
อาคารแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกระทรวงมหาดไทย ในยามค่ำคืนอาคารหลังนี้จะเปิดไฟสว่างไสวเหมือนกับยานยูเอฟโอเลยทีเดียว