ซาอุดีอาระเบียคืบหน้าด้านสิทธิมนุษยชนจริงหรือ?

ซาอุดีอาระเบียคืบหน้าด้านสิทธิมนุษยชนจริงหรือ

ซาอุดีอาระเบียประกาศระงับความสัมพันธ์ทางการค้าและสั่งขับนักการทูตแคนาดาออกนอกประเทศ เพื่อตอบโต้ที่ทางการแคนาดาวิพากษ์วิจารณ์การจับกุมกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนของซาอุดีอาระเบีย

ท่าทีดังกล่าวทำให้เกิดคำถามถึงความคืบหน้าด้านสิทธิมนุษยชนของหนึ่งในชาติมหาอำนาจตะวันออกกลางชาตินี้ เนื่องจากเป็นท่าทีที่ดูเหมือนจะสวนทางกับความพยายามของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่ ที่มีพระประสงค์ปฏิรูปประเทศให้มีความทันสมัยขึ้นทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม เช่น การยกเลิกกฎที่ห้ามผู้หญิงขับรถยนต์ และการให้ผู้หญิงมีสิทธิ์เข้าชมการแข่งขันในสนามกีฬาได้เป็นครั้งแรก

ข้อพิพาท

กรณีพิพาทนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อน กระทรวงต่างประเทศแคนาดาออกแถลงการณ์แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการจับกุมนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนชาวซาอุดีอาระเบียหลายราย ซึ่งหนึ่งในนั้น รวมถึงนางซามาร์ บาดาวี นักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีชาวอเมริกันเชื้อสายซาอุดีอาระเบียที่เป็นแกนนำเรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียยกเลิกระบบที่ผู้หญิงต้องอยู่ภายใต้การปกครองของผู้ชาย

โดยกระทรวงต่างประเทศแคนาดาเรียกร้องให้รัฐบาลซาอุดีอาระเบียปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมและสิทธิสตรีเหล่านี้โดยทันที อย่างไรก็ตาม กระทรวงต่างประเทศซาอุดีอาระเบียออกมาตอบโต้ว่า ท่าทีของแคนาดาเป็น “การละเมิดอธิปไตย” และ “การแทรกแซง” กิจการภายในประเทศ และจะไม่ยอมรับการกระทำเช่นนี้โดยเด็ดขาด โดยจะดำเนินมาตรการตอบโต้ด้วยการ:

  • ระงับข้อตกลงการค้าและการลงทุนฉบับใหม่ทั้งหมดระหว่างสองประเทศ ซึ่งมีมูลการค้าระหว่างกันราว 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อปี 2016
  • สั่งให้เอกอัครราชทูตแคนาดามีสถานะเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” และต้องเดินทางออกจากราชอาณาจักรภายใน 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน ก็เรียกตัว เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำกรุงออตตาวา ให้เดินทางกลับประเทศทันที

ท่าทีแคนาดา

ล่าสุดแคนาดาระบุว่ากำลังดำเนินการเพื่อขอความกระจ่างเรื่องแถลงการณ์ดังกล่าวของทางการซาอุดีอาระเบีย อย่างไรก็ตามโฆษกกระทรวงต่างประเทศแคนาดาย้ำว่า แคนาดาจะยืนหยัดเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิสตรี และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของคนทั่วโลก

ด้านนางมานาล อัลชารีฟ แกนนำรณรงค์ด้านสิทธิสตรีชาวซาอุดีอาระเบียได้ทวีตข้อความขอบคุณแคนาดาที่ “กล้าพูด” เรื่องนี้พร้อมตั้งคำถามว่าเมื่อใดชาติมหาอำนาจตะวันตกอื่น ๆ จะออกมาแสดงท่าทีเดียวกัน

ใครถูกจับกุมบ้าง

นับแต่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงได้รับแต่งตั้งให้เป็นมกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่ของซาอุดีอาระเบียเมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว พระองค์ทรงดำเนินนโยบายต่าง ๆ เพื่อปฏิรูปซาอุดีอาระเบียให้ทันสมัยทัดเทียมนานาชาติ เช่น ทรงเดินหน้าปราบปรามการทุจริต การส่งเสริมให้ประเทศมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งโดยไม่ต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันเพียงอย่างเดียว รวมถึงการทำให้ประเทศกลับสู่แนวทางของอิสลามสายกลาง โดยการผ่อนคลายกฎระเบียบที่เข้มงวดตามหลักศาสนาอิสลาม เช่น อนุญาตให้ผู้หญิงมีสิทธิ์เข้าชมการแข่งขันในสนามกีฬาได้เป็นครั้งแรก และให้ผู้หญิงสามารถขับรถเองได้เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา

แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อมูลว่าทางการซาอุดีอาระเบียได้เดินหน้าจัดการกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ก็เปิดเผยว่า นับแต่วันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา มีนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและสิทธิสตรีถูกจับกุมหรือควบคุมตัวโดยพลการอย่างน้อย 15 คน

โดยนางบาดาวี ถูกควบคุมตัวเมื่อสัปดาห์ก่อนพร้อมเพื่อนนักรณรงค์เพื่อสิทธิสตรีอีกคน ซึ่งนางบาดาวี เคยได้รับรางวัล “ผู้หญิงกล้าหาญนานาชาติ” (International Women of Courage Award) เมื่อปี 2012 จากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เป็นที่รู้จักในฐานะแกนนำเรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียยกเลิกระบบที่ผู้หญิงต้องอยู่ภายใต้การปกครองของผู้ชาย

นายมาร์ติน เพเชียนซ์ ผู้สื่อข่าวบีบีซี ระบุว่า การสั่งขับนักการทูตแคนาดาของซาอุดีอาระเบียครั้งนี้เป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจ และแสดงให้เห็นถึงการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่แข็งกร้าวขึ้น และบางครั้งก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน

ที่มา:www.bbc.com

Latest Posts